About The Author

This is a sample info about the author. Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. Quisque sed felis.

Get The Latest News

Sign up to receive latest news

September 21, 2009

OWL

Web Ontology Language (OWL)

- จากการศึกษาของ Grigoris Antoniou and Frank van Harmelen. (2004) พบว่า OWL ถูกสร้างโดย W3C Web Ontology Working Group ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นส่วนขยายต่อจากภาษา (Resource Description Framework: RDF) และสืบทอดมาจากภาษา DRAPA Markup Language + Ontology Interface Layer (DAML+OIL) OWL จัดเป็นองค์ประกอบหนึ่งในงานเว็บเชิงความหมาย (Semantic Web) ที่ใช้ในการบรรยายข้อมูลเชิงความหมาย สามารถกำหนดโครงสร้างข้อมูลในลักษณะลำดับชั้น และอธิบายข้อมูล (Metadata) ที่มีความสัมพันธ์ในระบบฐานข้อมูลได้ รวมทั้งสามารถรองรับการบรรยายข้อมูลเชิงตรรกะ ชนิดข้อมูล และตัวบ่งปริมาณได้ ทำให้ข้อมูลที่ถูกแทนที่นั้นมีความหมายมากยิ่งขึ้น ลักษณะการบรรยายจะอยู่ในรูปของคลาส คุณสมบัติของคลาส และความสัมพันธ์ของคลาส เพื่ออธิบาย Entity และความสัมพันธ์ (Relationship) ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น OWL Web Ontology Language โลกของ World Wide Web เปรียบเสมือน แหล่งรวบรวมข้อมูลต่างๆโดยต้องใช้ keyword ในการค้นคว้า ซึ่งข้อมูลที่อยู่ในปัจจุบันนั้นยังขาดการจัดการที่ดีเนื่องจากไม่มีเครื่องมือที่จะช่วยสนับสนุน เพื่อใช้ในการ Mapping ข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่กำหนดตัวกลางที่จะใช้ในการคำนวณนี้ ต้องการเครื่องมือที่สามารถอ่านคำอธิบายของหัวข้อต่างๆ ในเว็บที่เป็นทรัพยากรและคำอธิบายที่ได้มานี้จะต้องอยู่ในรูปแบบที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้ด้วย OWL Web Ontology Language ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหาภาษาที่สามารถอธิบาย class และความสัมพันธ์ของ class ที่อยู่ใน web document และ application ต่างๆ เอกสารเหล่านี้จะแสดงให้เห็นว่าเราสามารถใช้ OWL Language ได้ดังนี้ จัดรูปแบบของโดเมนโดยการสร้าง class และ properties ของ class, สร้างเอกลักษณ์เฉพาะและคุณลักษณะเฉพาะของแต่ละ class, ให้เหตุผลเกี่ยวกับแต่ละ class และแต่ละเอกลักษณ์เพื่อสร้างลำดับชั้นโดยความหมายที่เป็นทางการของ OWL Language OWL Web Ontology Language เป็นภาษาที่ใช้ในการนิยามและเป็น Web Ontology แบบกึ่งสำเร็จรูป ontology เป็นเทอมที่ถูกยืมมาจากนักปรัชญา ซึ่งหมายถึง การอธิบายการแบ่งแยกชนิดของสิ่งต่างๆ และความสัมพันธ์ระหว่างกันของมันซึ่งหลักทางวิทยาศาสตร์ Web Ontology จะประกอบไปด้วย คำบรรยายของ class, property และค่าคงที่ของมันเหมือนกันกับ ontology OWL formal semantics จะเน้นถึงว่า เราจะทำให้ได้มาซึ่งหลักตรรกะแต่ถูกว่างเงื่อนไขโดยใช้ความหมาย ซึ่งเงื่อนไขนี้อาจจะได้มาจากเอกสารใดเอกสารหนึ่งหรือเอกสารที่อยู่กันอย่างกระจัดกระจายหลายๆที่ก็เป็นไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องทำการรวบรวมโดยใช้ OWL mechanisms

ภาษาย่อยของ OWL

จากการศึกษาของ Jorge Cardoso and Amit P. Sheth. (2006) OWL language มี 3 ลักษณะย่อยที่เพิ่มขึ้นมาดังรูปที่ 2.8 ซึ่งออกแบบมาสำหรับการติดต่อกับผู้ใช้และผู้พัฒนาโดยเฉพาะ

- OWL Lite สนับสนุนความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการเพียงการจัดลำดับและการแบ่งประเภทโดยใช้ลักษณะหรือเกณฑ์ในการแบ่งแบบง่ายๆ เช่น ถ้า OWL Lite มีส่วนของ cardinality หรือจำนวนที่จะเกิดความสัมพันธ์อยู่ก็จะมีค่าอยู่แค่ 0 หรือ 1 เท่านั้นมันควรจะง่ายที่จะหาเครื่องมือที่สนับสนุน OWL Lite มากกว่านี้จะมองความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและควรจะได้คำตอบออกมารวดเร็วโดยการค้นหาเส้นทางผ่านการจัดหมวดหมู่(taxonomy)

-
OWL DL สนับสนุนผู้ใช้ที่ต้องการความลึกซึ้งที่ค้อนข้างสูงโดยที่จะต้องไม่สูญเสียความสมบูรณ์ของการคำนวณ (ทุกเงื่อนไขมีการการันตีว่าถูกคำนวณแล้ว) และสามารถตัดสินใจได้ (ทุกๆการคำนวณจะต้องเสร็จในเว็บที่กำหนด) จัดการระบบที่ให้เหตุผล OWL DL ประกอบด้วย OWL language ทุก.โครงสร้างซึ่งถูกจำกัด เช่น ชนิดของการแยกแยะ (class แต่ละ class จะไม่ใช่เอกลักษณ์หรือคุณลักษณะ,คุณลักษณะแต่ละอย่างก็ไม่ใช่ class หรือเอาลักษณะ) OWL DL มีชื่อย่อมากจาก Description logic เป็นงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับการตัดสินใจในส่วนของ first order logic OWL DS ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการมีอยู่ของ Description logic ในส่วนของธุรกิจ และมีความต้องการการคำนวณหา property เพื่อระบบการใช้เหตุผล

-
OWL Full มีความสำคัญต่อผู้ใช้ที่ต้องการความลึกซึ้งที่สุดและความหมายที่อิสระของ RDF โดยไม่ต้องมีการการันตี ยกตัวอย่างเช่น ใน OWL Full class สามารถจะถูกรักษาได้เหมือนกันกับ collection ของเอกลักษณ์ และเหมือนกันกับ individual ในส่วนที่ถูกต้องของมันเอง สิ่งสำคัญที่ทำให้ OWL Full แตกต่างจาก OWL DL คือ OWL : Datatype Propoty สามารถจะมาร์คได้เป็น OWL : InverseFunctionnalPropprty . OWL Full ยอมให้ ontology ขยาย

- จากการศึกษาของ Grigoris Antoniou and Frank van Harmelen. (2004) ได้อธิบายไว้ว่า ความหมายของกระบวนการก่อนกำหนด (RDF or OWL) คำศัพท์ ซึ่งไม่เหมือนกับ software ที่ใช้ให้เหตุผลทั่วไปซึ่งสามารถจะสนับสนุนทุกๆ รูปแบบของ OWL Full Sublanguage แต่ละตัวเป็นส่วนขยายมาจากกระบวนการข้างต้นของมันเอง ซึ่งอยู่ในส่วนที่เป็นกฎที่เต็มไปด้วยความหมายและส่วนที่เป็นส่วนประกอบที่เป็นเหตุเป็นผลมีเซตของความสัมพันธ์และไม่มีส่วนกลับ

- ทุกๆ กฎของ OWL Lite Ontology เป็น กฎของ OWL DL Ontology และ ทุกๆ กฎของ OWL DL Ontology เป็น กฎของ OWL Full Ontology นอกจากนี้ทุกๆ สาเหตุ ของข้อสรุป OWL Lite เป็นสาเหตุหาข้อสรุป OWL DL และทุกๆ สาเหตุ ของข้อสรุป OWL DL เป็นสาเหตุหาข้อสรุป OWL Full

- OWL ควรจะพิจารณาถึงว่าประเภท (Species) ที่ดีที่สุดที่สุดที่ต้องการระหว่าง OWL Lite และ OWL DL โดยขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ต้องการความหมายที่ลึกซึ้งที่จัดหาได้จาก OWL DL และการใช้เหตุผลสำหรับ OWL Lite จะมีการคำนวณ property ที่ให้เหตุผลกับ OWL DL ขณะที่มีการจัดการด้วย Sub-language ที่สามารถตัดสินใจได้จะเป็นหัวข้อของกรณีที่ที่แย่ที่สุดของความซับซ้อนระดับสูง ตัวเลือกระหว่าง OWL DL และ OWL Full ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ใดต้องการ meta-modeling ของ RDF schema (เช่น การกำหนด class ของ class) เมื่อใช้ OWL Full

0 comments: